วิทยา
เร่งพัฒนาระบบยาของประเทศ ทันใช้ในปี 2556 ให้คนไทยได้ใช้ยาดี
ราคาไม่แพง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เร่งพัฒนาระบบบริหารยาของประเทศให้ทันใช้ในปีงบประมาณ
2556เพื่อให้คนไทยได้ใช้ยาดี มีคุณภาพ ราคาไม่แพง เป็นมาตรฐานเดียวกัน
เน้น 6 ยุทธศาสตร์หลัก
อาทิการส่งเสริมให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ
และยาชื่อสามัญ การต่อรองราคายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
ยาที่มีผู้ผลิตรายเดียวและยาที่มีมูลค่าการใช้มาก
เป็นต้น
นายวิทยา บุรณศิริ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข
ได้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบบริหารยาของประเทศตามนโยบายนายกรัฐมนตรี
เพื่อให้ประชาชนไทยได้ใช้ยาคุณภาพดี ราคาไม่แพง เหมาะสมกับโรค
ให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดระบบการบริหารยา เวชภัณฑ์
การเบิกจ่ายค่าตรวจวินิจฉัย และค่าบริการทางการแพทย์ เน้น 6
ยุทธศาสตร์หลักประกอบด้วย
1.การเจรจาต่อรองราคายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาที่มีผู้ผลิตรายเดียว
และยาที่มีมูลค่าการใช้สูงเริ่มใน 4 รายการแรกได้แก่
ยาในกลุ่มยาต้านการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ (NSAID)
ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ยาลดน้ำตาลในเลือด และยาปฏิชีวนะ
รวมถึงให้มีการเจรจาต่อรองราคาน้ำเกลือที่ผลิตในประเทศและหามาตรการป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำเกลือ
2.ส่งเสริมให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยาชื่อสามัญเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้ร้อยละ
50 เป็นให้ได้ร้อยละ 80
และจัดให้มีกลไกและระบบการประกันคุณภาพยาชื่อสามัญ
3.กำหนดแนวเวชปฏิบัติ ข้อบ่งชี้การใช้ยา การตรวจวินิจฉัยโรค
และการรักษาพยาบาล
4.พัฒนาระบบตรวจสอบการรักษาพยาบาล
การตรวจวินิจฉัย แนวทางการใช้ยา
และการเบิกจ่ายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกกองทุน
5.พัฒนาบัญชียาและรหัสยามาตรฐาน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการยาของ
3 กองทุนสุขภาพ เชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศด้านยาของประเทศ
เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบการใช้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ6.การปรับปรุงกลไกการจ่ายเงินโดยใช้เกณฑ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม
เพื่อพัฒนาอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกลุ่มโรคเดียวกันในโรงพยาบาลแต่ละระดับให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนี้
ให้เร่งดำเนินการหามาตรการกำกับดูแลค่าใช้จ่ายด้านยาของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมีสัดส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกมากถึงร้อยละ 73
ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดและในจำนวนนี้เป็นค่ายาถึงร้อยละ 83
โดยหากสามารถส่งเสริมให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติหรือยาชื่อสามัญเพิ่มขึ้น
คาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณได้ถึง 4,000 -5,000
ล้านบาท
นายวิทยากล่าวต่อว่า
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างครบถ้วน รอบด้าน
เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และสามารถนำมาใช้ได้ภายในปีงบประมาณ 2556
กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 6
คณะดูแลรับผิดชอบในแต่ละยุทธศาสตร์ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้การดำเนินงานมีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง
และจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าเป็นระยะทุก 1
เดือน
************************************* 26
สิงหาคม 2555
|